JPost In Jerusalem ข่าวส่งตรงจากเยรูซาเล็มทุกวัน

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นโยบายต่างประเทศ

อิสราเอลประสบปัญหาความขัดแย้งกับประเทศอาหรับเพื่อนบ้านมาโดยตลอด ล่าสุดภายหลังจากที่กลุ่ม Hezbollah ในเลบานอนได้จับกุมทหารอิสราเอลไป 2 คน (นาย Ehud Goldwasser และนาย Eldad Regev) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2549 โดยมีเป้าหมายให้อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวอาหรับที่อิสราเอลจับกุมไปเป็นจำนวนมาก รัฐบาลอิสราเอลได้ใช้มาตรการทางทหารต่อเลบานอน โดยส่งเครื่องบินโจมตีเลบานอน รวมทั้งกรุงเบรุต และปิดกั้นเลบานอนทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ และสหรัฐฯ ได้กล่าวหาว่า ซีเรียและอิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่ม Hezbollah การปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่ายส่งผลให้ชาวเลบานอนเสียชีวิตกว่า 1,000 คน (ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน) และบาดเจ็บหลายพันคน โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเลบานอนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และชาวเลบานอนไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 700,000 - 900,000 คน โดยมีชาวอิสราเอลเสียชีวิตประมาณ 116 คน (ส่วนใหญ่เป็นทหาร)แม้ว่าอิสราเอล-เลบานอนจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2549 ตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหปหระชาชาติ (UNSC) ที่ 1701 ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2549 และอิสราเอลได้ประกาศยกเลิกการปิดล้อมเลบานอนทางอากาศและทางทะเล เมื่อวันที่ 7กันยายน 2549 ภายหลังการเจรจาระหว่างเลขาธิการสหประชาชาติ อิสราเอล เลบานอน และประเทศตะวันตก โดยอิสราเอลได้ถอนกองกำลังชุดสุดท้ายออกจากเลบานอน เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 แต่ยังคงยืนยันสิทธิ์ในการลาดตระเวนทางอากาศเหนือน่านฟ้าและชายฝั่งเลบานอน โดยให้เหตุผลว่า ข้อมติหยุดยิงของสหประชาชาติ (UN) ยังไม่มีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ และกลุ่ม Hezbollah ยังไม่ได้รับการปลดอาวุธตั้งแต่ต้นปี 51 อิสราเอลได้ปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศต่อประเทศอาหรับเพื่อนบ้านอย่างเห็นได้ชัด โดยรัฐบาลอิสราเอลมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น เห็นได้จากการเริ่มเจรจากับซีเรียเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยมีตุรกีเป็นตัวกลาง ในขณะที่ล่าสุด อิสารเอลได้บรรลุข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันกับกลุ่ม Hezbollah ในเลบานอน เป็นผลให้อิสราเอลได้รับร่างของนายทหาร Ehud Goldwasser และ Eldad Regev ซึ่งเสียชีวิตแล้วกลับสู่อิสาราเอล แลกเปลี่ยนกับร่างของนักสู้อาหรับที่เสียชีวิตระหว่างสงครามเลบานอนปี 49 กว่า 200 ศพ รวมถึงปล่อยตัวนาย Samir Kantar นักโทษ Hezbollah ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมในอิสราเอลหลายคดี สำหรับนโยบายต่างประเทศอิสราเอลต่อภูมิภาคเอเชียนั้น รัฐบาลอิสราเอลเล็งเห็นศักยภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้จึงขยายฐานสนับสนุนทางการเมืองของตนตลอดจนขยายลู่ทางการค้าการลงทุนในภูมิภาค โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศและการจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ อันเห็นได้จากการที่อิสราเอลได้เร่งผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ ในเอเชียในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นที่ประเทศที่มิใช่มุสลิม อาทิ จีน อินเดีย มองโกเลีย เวียดนาม กัมพูชา ลาว และศรีลังกา (ช่วงปี 2534 – 2543) นอกจากนี้ อิสราเอลยังดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในการหาลู่ทางขยายการค้าการลงทุนในภูมิภาคเอเชียด้วย อิสราเอลให้ความสำคัญต่อการกระชับความสัมพันธ์กับจีนและอินเดียในฐานะมหาอำนาจแห่งเอเชียและตลาดใหญ่ที่สำคัญของอิสราเอล

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

JPost Israel ข่าวส่งตรงจากอิสราเอลทุกวัน